พิกัดที่เที่ยว 6 อุทยานแห่งชาติ และ 6 วนอุทยาน ในประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติและวนอุทยานในประเทศไทย เต็มไปด้วยความสวยงามและบรรยากาศที่จะทำให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจากชีวิตประจำวัน เพื่อน ๆ ที่อยากพักผ่อนแบบชิลล์ ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ เลือกสถานที่ที่ชอบ เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปเที่ยวกัน !  

พิกัดที่เที่ยว 6 อุทยานแห่งชาติ

1. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีภูเขาสลับซับซ้อนและป่าอุดมสมบูรณ์จุดเด่นคือยอดภูหมันขาวที่สูงที่สุด และป่าเขียวครึ้มที่เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เช่น ลานหินปุ่มที่มีหินรูปร่างแปลกตา ผาชูธงที่มองเห็นวิวกว้างไกล และน้ำตกหมันแดงที่ยิ่งใหญ่พร้อมรอยเท้าไดโนเสาร์ให้ชม

นักท่องเที่ยวยังสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้จากจุดชมวิวต่าง ๆ เช่น ภูแผงม้า และสนุกกับการเดินป่าที่โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริ พร้อมสัมผัสทุ่งดอกกระดาษสวย ๆ ในหน้าหนาวนี้ได้เลย



ที่อยู่ : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2331 ตำบล เนินเพิ่ม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 06.00 – 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 096 020 0992
Facebook : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า – https://www.facebook.com/PhuhinrongklaNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/7ZcekAYTLRPAMkTP

2. อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่

อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอุดมสมบูรณ์ในเชียงใหม่

จุดเด่นของดอยฟ้าห่มปก คือ ป่าที่อุดมสมบูรณ์ เจอได้ทั้งนก ผีเสื้อหายาก และพันธุ์พืชแปลกตา ส่วนบนยอดดอยจะได้ชมทะเลหมอก พร้อมวิวธรรมชาติริมชายแดนไทย-เมียนมา และเพื่อน ๆ ที่ชอบความท้าทายก็ต้องชอบแน่นอน เพราะเส้นทางสำหรับเดินขึ้นดอย มีให้เลือกถึง 3 เส้นทางเลย (ผู้ที่สนใจต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าไว้ด้วยยนะ) ส่วนด้านล่าง มี “โป่งน้ำร้อนฝาง” บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่อุณหภูมิเดือดจนพุ่งเป็นไอสูง 40-50 เมตร มีบริการห้องอาบน้ำแร่และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติด้วย

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือ “โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่” ที่เปิดโอกาสให้สัมผัสชีวิตชาวเขา 4 เผ่าแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการชมแปลงเกษตร นาขั้นบันได หรือพักแบบโฮมสเตย์ในบ้านชนเผ่า พร้อมเลือกซื้อสินค้าทำมือจากคนท้องถิ่น ทั้งเครื่องเงิน ผ้าทอ และงานแกะสลัก เที่ยวครบจบทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมสุดชิลในที่เดียว



ที่อยู่ : 224 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 08.00 – 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 084 483 4689
Facebook : อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก – https://shorturl.asia/FNrRK
Google map : https://maps.app.goo.gl/U4BARUPykUUrjKi2A
 

3. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ดอยอินทนนท์เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 6 ของไทย มีความสูงถึง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทยเลย ภูมิประเทศของดอยอินทนนท์เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาถนนธงชัย และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปิงด้วย
 


เดิมเรียกว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” แต่เปลี่ยนชื่อเป็น “ดอยอินทนนท์” บนยอดดอยอินทนนท์มักเย็นและชื้นตลอดปี โดยเฉพาะช่วงหนาวจัดในเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี อุณหภูมิจะต่ำถึง 0 องศาเซลเซียสและเกิดน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งด้วย เหมาะแก่การไปเที่ยวในช่วงปีใหม่นี้สุด ๆ
 



ที่อยู่ : 119 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ 05.00–18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 053 286 729
Facebook : อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ – https://www.facebook.com/DoiInthanonNationalPark?locale=th_TH
Google map : https://maps.app.goo.gl/BG32QUdmWQdNVkry5 


4. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเล มีความโดดเด่นเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งหาดทรายขาวนุ่ม น้ำทะเลสีใส เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการัง แล้วยังมีภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตาให้ได้ชมด้วย

แนะนำว่าให้ไป Check-in กันที่ “หาดนพรัตน์ธารา” ซึ่งเป็นชายหาดที่ทอดยาวกว่า 3 กิโลเมตร ตลอดชายฝั่งมีต้นสนและร่มเงาไม้ใหญ่ บริเวณหาดสามารถมองเห็นหมู่เกาะและเกาะหินปูนที่ตั้งอยู่ในทะเลได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะในช่วงน้ำลงจะสามารถเดินข้ามไปยังเกาะเล็ก ๆ ใกล้ชายฝั่งได้
 


ช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดคือช่วงนี้เลย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศดีที่สุด น้ำทะเลใสสะอาด และคลื่นลมสงบ สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่อย่าง การเล่นน้ำ พายเรือ
 



ที่อยู่ : 79 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 08.30–16.30
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 075 661 145
Facebook : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี – https://www.facebook.com/Hatnoppharatthara.Nationalpark
Google map : https://maps.app.goo.gl/jEAbUHpmFxeDCEeZ9
 

5. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า จังหวัดระยอง

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ ทั้ง หาดทราย ป่าดงดิบ และเกาะน้อยใหญ่ให้ได้เที่ยวชมกันเพียบ โดยเฉพาะ “เกาะเสม็ด” ที่มีหาดทรายขาวนุ่ม น้ำทะเลใส เหมาะแก่การเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังสุด ๆ แถมยังมีสัตว์ป่า ให้ได้เจอ ไม่ว่าจะเป็นลิง กระรอก หรือแม้แต่ปลาสวยๆ นอกจากนี้ บริเวณอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ได้เดินป่าชมวิวสวย ๆ อีกด้วย 
 


ช่วงที่เหมาะสมสำหรับการมาเที่ยวก็คือช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส ถูกใจเพื่อน ๆ ที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งแน่นอน แต่ถ้ามาช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน ต้องระวังเรื่องคลื่นลมแรงด้วย เพราะอาจจะทำให้การเดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ ไม่สะดวกเท่าไหร่
 



ที่อยู่ : 79 ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 08.30 – 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า 038 653 034
Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด https://www.facebook.com/sametnationalpark?mibextid=ZbWKwL
Google map : https://maps.app.goo.gl/8vPLGSEgE9xMNEMF8 
 

6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา
 

หมู่เกาะสุรินทร์ อัญมณีแห่งท้องทะเลอันดามัน เป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนเกาะและใต้ทะเล โดยเฉพาะแนวปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเกาะหลักๆ 5 เกาะ ได้แก่ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะไข่ เกาะกลาง และเกาะรี นอกจากนี้ยังมี “กองหินริเชริว” ที่เพิ่มเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯอีกด้วย เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือของที่นี้คือ “อ่าวช่องขาด” ที่เมื่อน้ำลงจะสามารถเดินข้ามไปมาระหว่างเกาะสุรินทร์เหนือและใต้ได้ 


นอกจาก “หมู่เกาะสุรินทร์” จะมีแนวปะการังที่สวยงามหลากหลายชนิด ก็ยังมีสัตว์ทะเลที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่าง ฉลามวาฬ เต่าทะเล และนกนานาชนิด โดยเฉพาะ “นกชาปีไหน” หรือ “นกกะดง” ซึ่งเป็นนกหายาก รวมถึงได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวมอแกน “ยิปซีแห่งท้องทะเล” ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม มีการทำประมงรวมถึงประดิษฐ์ของที่ระลึกเพื่อขายแก่นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยี่ยมเยือน
 



กิจกรรมที่มาแล้วห้ามพลาด คือ การดำน้ำตื้นหรือฟรีไดร์ฟวิ่ง นอกจากนี้ บริเวณอ่าวต่างๆ ของหมู่เกาะก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น อ่าวแม่ยาย อ่าวไม้งาม และอ่าวสุเทพ ที่มีทั้งชายหาดที่สวยงามและแนวปะการังที่สมบูรณ์ เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการังและพักผ่อนสุด ๆ

ที่อยู่ : ตำบลคุระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 06.00 – 18.00 น.
เบอร์โทร : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 076 472 145, 076 472 146
Facebook : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ – https://www.facebook.com/MukosurinNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/AzqbUkQxvKot1LRv7
 

พิกัดที่เที่ยว 6 วนอุทยาน
 

1. วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา

“วนอุทยานภูลังกา” สถานที่ที่คนรักธรรมชาติและการผจญภัยต้องโดนใจอย่างแน่นอน มีภูเขาสูงสลับซับซ้อนและทิวทัศน์ที่สวยงาม ช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม เป็นช่วงที่จะมีดอกไม้และกล้วยไม้ป่าบานสะพรั่ง ทำให้ธรรมชาติที่นี่เขียวขจีและสดชื่น ในฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม อากาศจะเย็นสบายและเหมาะสำหรับการชมทะเลหมอกบนยอดภู โดยเฉพาะการเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวต่าง ๆ ที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างชัดเจน
 


วนอุทยานภูลังกา มีเส้นทางเดินป่าที่ความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร เริ่มจากห้องเรียนธรรมชาติซึ่งเป็นสวนสมุนไพร ก่อนจะผ่านป่าก่อโบราณที่เต็มไปด้วยนกและพืชพันธุ์หายาก ยอดดอยภูลังกาเป็นจุดสูงสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้จะได้เห็นวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก นับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
 



ที่อยู่ : แม่ลาว ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 04.30 – 18.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานภูลังกา 081-883-0307, 053-711-402
Google map : https://maps.app.goo.gl/nhhoZn2MDFhDKk1q9
 

2. วนอุทยานเขานางพันธุรัต จังหวัดเพชรบุรี

วนอุทยานเขานางพันธุรัต มีชื่อเสียงจากตำนาน “นางพันธุรัต” ในวรรณคดีเรื่อง “สังข์ทอง” ที่เล่าถึงนางพันธุรัตเป็นยักษ์ที่เลี้ยงพระสังข์เป็นบุตรบุญธรรม วันหนึ่งเมื่อพระสังข์หลบหนีนางไป นางพันธุรัตจึงเศร้าเสียใจและอกแตกตาย ทำให้ร่างของนางกลายเป็นภูเขาซึ่งเมื่อมองจากระยะไกลจะคล้ายกับคนกำลังนอนทอดยาวจนชาวบ้านเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “เขานางพันธุรัต” หรือ “เขานางนอน” ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
 


การเดินทางในวนอุทยานเขานางพันธุรัตจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่นำพานักท่องเที่ยวไปยังจุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำนาน เช่น ช่องกระจกนางพันธุรัต เมรุนางพันธุรัต และบ่อชุบตัวพระสังข์ นอกจากนี้ยังมีศาลแม่นางพันธุรัต ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปสักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย




ที่อยู่ : ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 08.30-17.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานเขานางพันธุรัต 098 686 0989
Facebook : วนอุทยานเขานางพันธุรัต – https://www.facebook.com/profile.php?id=100068123744561
Google map : https://maps.app.goo.gl/fqHhe4MYb6HcGthA8
 

3. วนอุทยานภูบ่อบิด จังหวัดเลย

วนอุทยานภูบ่อบิด อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงามในจังหวัดเลย เมื่อขึ้นไปถึงยอดภูบ่อบิด ทุกคนจะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา สามารถมองเห็นภูเขาและตัวเมืองเลยได้อย่างชัดเจน ยิ่งช่วงฤดูหนาวก็จะได้เห็นทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาและสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างชัดเจนหรือในตอนเย็นที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม
 

ภูบ่อบิดยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติซึ่งการเดินทางขึ้นไปยังยอดภูบ่อบิดนั้น มีเส้นทางให้เลือกทั้งการใช้รถไถหรือเดินเท้าขึ้นไป โดยระยะทางประมาณ 670 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและตลาดบ้านแฮ่ ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเมืองเลยที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะไปสักการะและถ่ายรูปได้ด้วย




ที่อยู่ : 510 ถนนเจริญรัฐ ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 06.00-19.00 น.
เบอร์โทร : สำนักอุทยานแห่งชาติ 0 2561 0777 ต่อ 1723
Google map : ลาดจอดรถภูบ่อบิด https://maps.app.goo.gl/6pbdoHxiSihfiC5XA
 

4. วนอุทยานปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

วนอุทยานปราณบุรี” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและการศึกษา มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนสะพานไม้ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ทุกคนสามารถเดินชมความงามของป่าชายเลนอายุเกือบ 100 ปี พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศนี้ได้
 


วนอุทยานปราณบุรี ถือเป็นศูนย์กลางในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการศึกษาเกี่ยวกับระบบนิเวศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการทำลายสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญ วนอุทยานแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับคนรุ่นใหม่ และเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน




ที่อยู่ : ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา : 08.00 – 17.00 น.
เบอร์โทร : วนอุทยานปราณบุรี 061 464 4951
Google map : https://maps.app.goo.gl/MKcQMeyF8oGTGd1u8
 

5. วนอุทยานท้าวโกษา จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

“เขากะโหลก” คือชื่อดั้งเดิมของ วนอุทยานท้าวโกษา เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติมีชายหาดสวยงามและน้ำทะเลใส ทำให้เหมาะสำหรับการลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น พายเรือแคนูและเจ็ตสกี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตั้งอยู่ ณ บริเวณริมชายหาด เพื่อความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยว 
 

“วนอุทยานท้าวโกษา” เป็นลักษณะภูเขาที่ไม่สูงมาก แต่มีความสลับซับซ้อนและมีถ้ำน้อยใหญ่อยู่มาก โดยเฉพาะรูกลวงขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากฝั่งทะเล ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักปีนเขา ทุกคนสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวได้ ใช้เวลาเพียงประมาณ 20-30 นาที และเมื่อถึงยอดสูงสุดจะได้สัมผัสกับวิวทะเลและภูเขาที่สวยงามแบบรอบทิศทางเลย




ที่อยู่ : ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เบอร์โทร : วนอุทยานท้าวโกษา 08 9047 6683
Facebook : วนอุทยานท้าวโกษา – https://www.facebook.com/MukosurinNP
Google map : https://maps.app.goo.gl/AzqbUkQxvKot1LRv7 
 

6. วนอุทยานหริรักษ์ จังหวัดเลย

“วนอุทยานหริรักษ์” มีลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายซึ่งประกอบด้วยป่าเบญจพรรณและป่าดิบชื้นที่มีความชุ่มชื้นสูง มี “อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมาน” เป็นจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ โดยรอบอ่างเก็บน้ำจะมีภูเขาขนาดเล็กและต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะแวะมากางเต็นท์ที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำหมานถือเป็นจุดที่วิวดีที่สุดเพราะอยู่บริเวณกลางอ่างเก็บน้ำ ที่สามารถมองเห็นกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตรงหน้า ทำให้บรรยากาศของที่นี้ ได้ฉายาว่า “ปางอุ๋ง เมืองเลย”
 

กิจกรรมสุดฮอตฮิตของที่นี้ คือ การล่องแพและการเดินชมธรรมชาติในบริเวณวนอุทยาน บรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นของที่นี่จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาเยือนวนอุทยานหริรักษ์คือช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ในช่วงนี้อากาศจะเย็นสบายและมีโอกาสได้เห็นไอหมอกที่ลอยเหนือผิวน้ำในยามเช้า ทำให้บรรยากาศโดยรอบอ่างเก็บน้ำสวยงามยิ่งขึ้น


ที่อยู่ : วนอุทยานหริรักษ์ ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย
เปิดวัน/เวลา : ทุกวัน 24 ชั่วโมง
เบอร์โทร : วนอุทยานหริรักษ์ 088 571 2424
Facebook : วนอุทยานหริรักษ์ – https://www.facebook.com/HarirakForestPark/
Google map : https://maps.app.goo.gl/cKF9ssVSVnxij7pg6

สำหรับใครที่วางแผนจะไปเที่ยวในอุทยานฯ มีข้อแนะนำ 3 ข้อง่ายๆ ให้การเดินทางของเพื่อน ๆ กรีนกว่าที่เคย

1. วางแผนจัดสัมภาระให้เหมาะสม ไม่นำขยะเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว

2. เลี่ยงการเดินทางที่สร้างมลพิษ เช่น เที่ยวด้วยรถ 1 คัน แต่ไปกันหลาย ๆ คน และเลือกใช้ยานพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

3. ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว

– พกแก้วน้ำ ขวดน้ำ หลอดส่วนตัว

– ใช้ปิ่นโต กล่องพลาสติกแบบใช้ซ้ำ

– พกถุงผ้า เว้นการใช้ถุง ช้อน ส้อมแบบพลาสติกที่ใช้ซ้ำไม่ได้

– พกสบู่ แชมพู แบ่งใส่ขวดแบบพกพา เพื่อลดการซื้อ-เพิ่มขยะพลาสติก

– เว้นการนำภาชนะพลาสติกหรือโฟมที่ใช้แล้วต้องทิ้ง เข้าเขตอุทยานแห่งชาติ
 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม FB : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. +66 2 561 0777

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *